วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความสุข

****เอิร์ธ ลูกรัก ****

ช่วงนี้ลูกระบายความในใจให้พ่อฟังบ่อยๆ เป็นความคับข้องใจ ความสับสน ความไม่สบอารมณ์กับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการดำรงชีวิต และการทำงานซึ่งเป็นในทางแย่กว่าที่ผ่านมา

ลูกไม่มีเวลาที่จะไปงานสังคมกับเพื่อนฝูง ไม่มีเวลาที่จะไปงานของเจ้านาย ซึ่งที่จริงแล้วอาจจะไม่ใช่ไม่มีเวลา แต่อาจเบื่อ

ลูกเคยขยันขันแข็งในการทำงาน แสดงออกเพื่อให้คนยอมรับในความรู้ความสามารถ ซึ่งมราจริงแล้งลูกก็ยังขยันขันแข็งทำงานอยู่ แต่ไม่ถึงขนาดต้องทำอย่างโดดเด่น เพื่อให้คนอื่นรับรู้

กับเพื่อๆ ลูกเคยไปไหนไปกัน แต่ในตอนนี้ลูกปฏิเสธ การรู้จักปฏิเสธในบางครั้งก็เป็นสิ่งจำเป็น

ที่ผ่านมาลูกขยันขันแข็งในการทำงาน การแสดงออกในความสามรถการออกงานสังคม ทั้งนี้เพื่อที่ต้องการจะได้เลื่อนตำแหน่ง ได้ขึ้นเงินเดือนมากๆ แข่งความก้าวหน้ากับเพื่อน ต้องการเป็นที่ยอมรับนับถือจากสังคม ต้องการความรัก ความชอบพอจากคนทั่วๆ ไป

ลูกทำได้เพราะมีปัจจัยเกื้อกูล ในช่วงระยะเวลาแรกๆ ของการทำงาน เช่น นายมองเราด้วยความเมตตา สนับสนุนให้งานเราเต็มที่

การออกงานสังคมก็เช่นกัน เพราะมีความรู้สึกสนุก มีความพอใจที่จะได้พบเห็นพิธีกรรต่างๆ ที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน ได้พบทำความรู้จักกับผู้คนมากขึ้น

แต่มาถึง ณ วันนี้ วันที่ล่วงเลยการใช้สมอง สติปัญญา ร่างกาย ทำเพื่อให้ได้สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมานานพอสมควรแล้ว ลูกควรจะมีความสุขโดยที่ไม่องขึ้นอยู่กับคนอื่นบ้าง

บางครั้งลูกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องเพราะคนอื่น
บางครั้งทำให้ลูกต้องรักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง
บางครั้งคิดตามความคิดของคนอื่น
สิ่งเหล่านี้นำความสุข ความพอใจมาสู่ลูกหรือ
พ่อไม่ได้บอกให้ลูกปฏิเสธการกระทำใดๆ ในทุกเรื่องที่เกี่ยวของกับคนอื่น แต่ในบางเรื่องลูกจะต้องไปห่วงอะไรกันนักหนา กับความรักความพอใจของคนอื่น ทำไมไม่ห่วงตัวเอง

ลูกจะคับข้องใจกับความคิดของคนอื่นทำไมกัน

หันมารักตัวเอง ทำอะไรให้ตัวเองเพื่อความสุขของลูกไม่ดีกว่าหรือ โดยไม่จำเป็นต้องแสวงหาจากคนอื่น


รักเสมอ
พ่อ

เศษเนื้อข้างเขียง

****เอิร์ธ ลูกรัก****

พ่อเข้าใจความรู้สึกของลูก ที่ได้พยายามตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้องค์กรทำงานสนองวัตถุประสงค์และเป็นเป้า หมายของเจ้านายอย่างดีที่สุด แต่แล้วมันเกิดเรื่องที่ถือได้ว่าได้รับความเจ็บปวดจากผลของการทำดีนั้นพ่อเคยพูดคุยกับลูกแล้วว่า ในช่วงชีวิตการทำงานอันยาวนาน 20 – 30 ปี ย่อมจะมีเรื่องดีและเรื่องร้ายผ่านเข้ามาในชีวิตเรา เรื่องเหล่านี้อาจเกิดจากการกระทำของตัวเราเอง หรือเกิดจากระทำของคนอื่นเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูก พ่อต้องของบอกว่าต้องจำอาไว้เป็นบทเรียนตลอดไปอย่าให้เกิดซ้ำสองขึ้นมาได้ อีก เพราะเรื่องผลประโยชน์ แม้แต่พ่อแม่ พี่น้อง สามีภรรยา ก็ทำให้ฆ่าแกงกันได้การการงาน การเสนอแนะวิธีการทำงาน การมีความคิดริเริ่ม เพื่อทำให้งานในความรับผิดชอบมีการพัฒนานับเป็นเรื่องดี และจะได้รับความไว้วางใจความเชื่อถือจากเจ้านายในกรณีที่ทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้ทำงานสนองหรือหาผลประโยชน์ให้นายแล้ว แม้ว่าจะได้รับความไว้วางใจจากนาย ได้รับความเชื่อถือจากนาย ก็จะจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทหนึ่งแต่ถ้าทำงานสนองหรือหาผลประโยชน์ให้นายแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นคนมีฝีมือ ขอให้เป็นคนที่ยอมทำตามนายสั่งและเก็บความลับได้ดี หรือเป็นคนที่แสวงหาช่องทางหาผลประโยชน์ให้นาย จนนายไว้วางใจ จะถูกจัดไว้อีกกลุ่มหนึ่งคนสองกลุ่มนี้ไม่มีทางจะมารวมเป็นกลุ่มเดียวกันได้พ่อไม่สามารถตบลูกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกเป็นเพราะเหตุใด แต่พอจะอนุมานได้ว่าน่าจะมาจากสาเหตุหนึ่งสาเหตุใดต่อไปนี้ประการแรก โครงการที่ลูกนำเสนอไปกระทบกับผลประโยชน์ของนาย ลูกอาจโต้แย้งว่าไม่เห็นมีอะไรกระทบนายโดยตรง เป็นเรื่องที่ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยภาพที่ลูกเห็นอาจเป็นภูเขาน้ำแข็งที่ โผล่เหนือน้ำขั้นมาเพียงน้อยนิด แต่ที่จมอยู่ใต้น้ำเรามองไม่เห็นเป็นก้อนมหึมา ผลประโยชน์ที่ไม่เห็นว่าเกี่ยวกับนายแต่เกี่ยวกับลูกน้องของนายซึ่งเขาทำ อะไรให้กันอยู่โดยที่เราไม่รู้ คนที่เป็นนาย คนที่ฉลาด คนที่มีความรู้ ย่อมจะทำทุกอย่างเพื่อตัดตอนไม่ให้เข้าตัวอยู่แล้วประการที่สอง ถ้าแผนงานหรือโครงการลูกเสนอไป สามารถให้ผลประโยชน์แก่นายได้โดยไม่ผิด ด้วยข้ออ้างอะไรก็ตามเถอะ ที่ลูกทำไปเพียงเพื่อหวังจะได้รับความดีความชอบ หรือความโปรดปรานจากนาย บังเอิญผลประโยชน์อาจน้อยนิด เมื่อเทียบกันการปล่อยให้ลูกได้ล่วงความลับว่าเขาเป็นคนอย่างไร เขายอมไม่ได้ ฉะนั้นตัดไฟเสียแต่ต้นลมจะดีกว่า ประกาศที่สาม แผนงานหรือโครงการที่ลูกเสนอไป มีความเป็นไปได้จะได้รับผลตอบแทนที่ดี แต่องค์กรของลูกเป็นองค์กรรัฐ ไม่ใช่ธุรกิจเอกชนผู้ทำงานทุกคนกินเงินเดือน เพียงแต่อาศัยกฎระเบียบ วิธีการต่าง ๆ พลิกแพลงก็สามารถให้เกิดผลประโยชน์แก่ตัวบุคคลขึ้นมาได้ ดังนั้นแม้ว่าโครงการของลูกจะดี สมควรดำเนินการเพื่อประโยชน์ขององค์กร นายจะระงับไว้ก่อนรอให้เวลาผ่านพ้นไปสักระยะหนึ่ง เขาจะนำมาดำเนินการในลักษณะที่ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับบุคคลหนึ่งบุคคลใดได้ลูกรัก จงจำเอาไว้ว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นคนที่เข้าถึงนายอย่างแท้จริงแล้ว อย่าเสนอตัวรับใช้อะไรนาย โดยหวังว่านายจะชอบพอเพราะทำให้นายได้ผลประโยชน์สิ่งนี้กลายเป็นหอกย้อนกลับ มาทิ่มแทงเรา ไม่ใช่เพราะนายเป็นดีซื่อสัตย์ สุจริตหรอก แต่เป็นเพราะว่าเราไม่ต้องการให้เราล่วงรู้สึกถึงความไม่ดีของเขาต่างหาก
ถ้าจะทำดีแล้ว จงทำให้นายได้ผลงาน ได้ชื่อเสียง ได้รับการยอมรับอันเนื่องมาจากการกระทำของเรา แต่ไมใช้ทำงานให้นายอย่างดี แล้วมีคนอื่นพูดกันว่า เลวเหมื่อนนาย
รักเสมอ
พ่อ

วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2552

จงทำดี แต่อย่าเด่น

****เอิร์ธ ลูกรัก****

เท่าที่พ่อได้ติดตามชีวิตการทำงานของลูกมา นักได้ว่า ลูกมีความเจริญก้าวหน้าได้ดีทีเดียว แต่ผลของการทำดีในหน้าที่การงานในองค์กรอาจจะไม่ส่งผลให้เรามีความสุขเหมือนการทำบุญทำทาน เพราะการทำงานไม่ได้เป็นการให้ฝ่ายเดียวโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ได้เป็นการให้โดยที่ไม่ไปขัดคนอื่น ดังนั้นผลที่ออกมาจึงไม่เหมือนกับการทำบุญทำทาน ดังคำกล่าวที่ว่า "จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย"

รักเสมอ
พ่อ

ถ้าจะให้ ให้อย่างมี บุญคุณ

****เอิร์ธ ลูกรัก****

ที่ผ่านมา ลูกมีปัญหาและเรื่องทุกข์ร้อนที่ขอให้พ่อช่วยแก้ หรือแนะนำซึ่งพ่อได้ช่วยตามความรู้และประสบการณ์ที่มี แต่ในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อเอง พ่ออยากจะเล่าให้ลูกฟัง ถ้านำไปปฏิบัติได้ก็จะดี

พ่อถูกย้ายไปทำงานในหน้าที่ใหม่ คนส่วนใหญ่จะไม่ชอบให้คำว่า "ย้าย" เกิดขึ้นแก่ตน เพราะรู้สึกว่าเป็นความผิดหรือบกพร่องในหน้าที่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การย้ายเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทำให้เกิดผลดีหรือผลเสียแก่ผู้ถูกย้ายก็ได้ การเปลี่ยนหน้าที่การงานจาเดิมไปทำอีกหน้าที่หนึ่ง ใช้คำว่าย้ายหน้าจะถูกต้องตามความหมายอยู่แล้ว พ่อถูกย้ายโดยที่ตำแหน่งยังคงเดิม แต่โดยระเบียบขององค์กรแล้ว พ่อต้องคืนโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้อยู่ไว้กับส่วนงานเก่า แล้วทำเรื่องขอใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่วนงานใหม่ กว่าพ่อจะได้รับอนุมัติให้มีสิทธิ์ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ได้ ใช้เวลาถึง 3 เดือน แลพกว่าจะจัดซื้อเครื่องโทรศัพท์ให้พ่อได้ใช้เวลาอีก 1 เดือน เพราะจะต้องมีการตรวจว่ามีเครื่องเก่าที่พนักงานคนอื่นเขาคืนมา เนื่องจากพ้นหน้าที่หรือหมดอายุการใช้งาน 3 ปีแล้วเหลืออยู่บ้างไหม จะได้ให้ห่อเอามาใช้ต่อ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการประหยัดให้องค์กรทั้งๆ ที่พนักงานคนอื่นเข้าได้สิทธิ์ เขาซื้อของใหม่กันทั้งนั้น

อะไรที่เป็นสิทธิ์ อะไรที่เป็นผลประโยชน์ที่ลูกค้าหรือลูกน้องต้องได้ลูกควรรีบจัดให้เขาโดยเร็ว ลูกจะได้ความรู้สึกที่ดีจากเขา เพราะการยึกยัก เพื่อแสดงว่าตัวเองมีอำนาจ คนอื่นต้องมากราบกรานจะเกิดผลเสียแก่ลูกแน่นอน

หน้าที่กับความถูกต้อง

***เอิร์ธ ลูกรัก***

พ่อเข้าใจในความรู้สึกคับข้องใจของลูก ที่มองเห็นเพื่อนร่วมงานบางคนทำงานโดยไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่กลับทำสิ่งไม่ถูกต้องให้ตะแคงกลาบเป็นสิ่งถูกต้องขึ้นมา ซึ่งสร้างความแปลกใจให้ลูกว่าทำไมถึงเผ็นเช่นนั้นได้ ทั้งๆ ที่คนเราน่าจะทำในสิ่งที่ถูกต้องพ่ออยากจะบอกลูกว่า โลกของชีวิตส่วนตัวกับโลกของการทำงานนั้นแตกต่างกัน ในโลกส่วนตัวลูกอาจจะเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องตามความเห็นของลูกได้เสมอ แต่ในโลกของการทำงานไม่เป็นอย่างนั้น

คำพูดดีดี

***เอิร์ธ ลูกรัก***

พ่อขอชมที่ลูกเอาใจใส่ ในเรื่องที่นายบางคนคิดว่าเป็นเรื่องไม่ควรเอาใจใส่แต่อย่างใด การที่มีพนักงานเข้ามาทำงานใหม่เป็นเรื่องที่เจ้านายต้องให้การต้อนรับ เอาใจใส่ และให้ความสำคัญแก่เขา เพราะพนักงานใหม่เหล่านี้จะช่วยให่องค์กรเจริญก้าวหน้า หรือทำให้องค์กรพบกับความถดถอยได้พนักงานใหม่เหล่านี้ ไม่ว่าจะเข้าโดยระบบคุณธรรม หรือระบบอุปถัมภ์ก็ตาม เมื่องค์กรได้รับเข้ามาทำงานแล้วเราต้องเก็บรักษาเข้าไว้ และควรจะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับองค์กร ที่กล่าวว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าสำหรับองค์กร เพราะคนเป็นทรัพย์สินที่ไม่เสื่อมราคาเหมือนกับทรัพย์สินอื่นๆ ยิ่งอยู่นานยิ่งมีค่าเพิ่มขึ้นการจะกล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับพนักงานใหม่ที่จะมาเป็นลูกน้อง สิ่งที่พ่อจะแนะนำไม่ได้ใช่เฉพาะกับการพูดเพื่อแสดงความยินดีกับพนักงานใหม่เท่านั้น แต่ใช้ได้กับการพูดแสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ หรือได้รับเกียรติในวาระต่างๆ

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความเป็นจริงของชีวิต

**** เอิร์ธ ลูกรัก ****

พ่อเข้าใจความทุกข์ของลูก ที่มีสาเหตุมาจากการโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่การงาน แต่พ่อจะไม่บอกลูกว่ามันไม่ควนเกิดขึ้น เพราะพ่อรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นกับลูก และอาจไม่เกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตการทำงานของลูก พ่อไม่ได้เล่าเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะอยากให้ลูกได้เจอประสบการณ์ตรงลูกจะได้เรียนรู้ชีวิตขึ้นอีกเยอะ มันไม่ได้เป็นสิ่งเลวร้ายจนทำลายชีวิตหรืออนาคตหรอก ถ้าลูกรู้จักแก้ปัญหา และหาทางออกที่ถูกต้องได้
ลูกรู้แล้วว่าช่วงชีวิตการทำงานของคนเรายาวนานเพียงใด ตั้นแต่อายุประมาณ 20-60 ปี บางทีอาจยาวกว่าช่วงชีวิตวันเด็กกับวัยชราเสยอีก มันเป็นช่วงเวลาที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ จากบุคคลซึ่งเป็นใครมาจาไหนก็ไม่รู้ เราไม่รู้จักนาย นายไม่รู้จักเราดีเหมือนพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนสนิท และยังมีประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องในการทำงานอีก แล้วจะให้ชีวิตการทำงานของลูกราบรื่นดั่งถนนที่โรยกลีบกุหลาบได้อย่างไร อาจมีคนหนึ่งในล้านเท่านั้น ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตลอดเวลา พร้อมๆกับมีความสุขในชีวิตส่วนตัว

ลูกที่พ่อภาคภูมิใจ

**** เอิร์ธ ลูกรัก ****



วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ลูกได้สร้างความภาคภูมิใจให้พ่อและแม่อย่างมาก นอกเหนือไปจากสิ่งดีๆ อีกหลายอย่างที่ลูกได้ทำมา

การได้รับปริญญาบัตรของลูกไม่ว่าจะรับโดยวิธีใด ไม่ได้มีน้ำหนักความสำคัญแตกต่างกันต่อการก้าวไปในอนาคต การสำเร็จการศึกษาเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของการเดินต่อไปข้างหน้า

ก่อนจะถึงวันนี้ พ่อได้รับบัตรเชิญจากทางสถาบันของลูก ให้ไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีการสำเร็จการศึกษาของลูก ตอนแรกพ่อคิดว่าจะไม่ไป เพราะเป็นเรื่องของสถาบัน อาจารย์ และเพื่อนๆของลูก แต่ถ้าพ่อไม่ไปในวันนั้น และได้รู้ในภายหลังว่าสถาบันของลูกได้ทำกิจกรรมอะไรบ้าง พ่อคงเสียใจมาก

กิจกรรมในวันนั้นสร้างความประทับใจให้พ่อเป็นอย่างมาก ในการสร้างบรรยากาศให้เกิดความซาบซึ้งระหว่างแขก สถาบัน อาจารย์ และนักเรียน ได้มองเห็นความสดชื่น รื่นรมย์ สมหวัง ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ถึงแม้จะเป็นความเศร้าสร้อย อาวรณ์ระหว่างเพื่อนปนอยู่บ้าง ที่จะต้องจากกันไปเพื่อสร้างอนาคตของตน

เพลงอะไรหนอที่บรรเลงระหว่างที่ลูกและเพื่อนๆ เดินเข้าไปในหอประชุมเพื่อทำพิธี ช่างมีความไพเราะ มีท่วงทำนองที่ให้ความมั่นคง หนักแน่น มีความศักดิ์สิทธิ์เหมาะกับบรรยากาศในงาน พ่อได้มารู้ภายหลังว่าเป็นเพลงลากาเมนเต้

พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก เมื่อเห็นลูกเอาช่อดอกไม้ที่พ่อแม่มอบให้ นำไปมอบแก่อาจารย์ของลูก คงไม่ต้องให้พ่ออธิบายว่าทำไมพ่อถึงภูมิใจที่ลูกทำอย่างนั้น วันนั้นพ่อมีโอกาสได้ขอบคุณอาจารย์ของลูก ที่มีส่วนช่วยสร้างความสำเร็จให้ลูก ท่านได้ตอบพ่อสั้นๆ ว่า "ท่านพอใจกับการทำหน้าที่เป็นเรือจ้างของท่าน"

ลูกคงจำได้ว่าท่านอธิการบดีได้กล่าวตอนหนึ่งว่า "ขอให้นักศึกษาที่จบไปแล้วกลับมาเยี่ยมอาจารย์ มาเยี่ยมสถาบันบ้าง" พ่อติดใจในคำพูดประโยคนี้ เพราะพ่อเองเป็นคนที่ปฏิบัติเช่นนั้น กับครูและโรงเรียนเก่าของพ่อเสมอมาทุกปี ในวันที่ 16 มกราคม (วันครู) หรือถ้าไม่สามารถมาได้ในวันนั้น ก็จะเป็นวันที่ใกล้เคียงกัน พ่อจึงอยากให้ลูกทำเช่นพ่อ

ครู (พ่ออยากให้ใช้คำนี้มากกว่าอาจารย์) อยากจะเจอลูกศิษย์เพื่อจะได้รับรู้ว่า ลูกศิษย์ที่ท่านได้ทะนุถนอมอบรมสั่งสอนมา ในทางที่ดีงามทุกอย่างนั้นได้เจริญก้าวหน้าไปถึงไหน จริงอยู่ถึงแม้จะมีลูกศิษย์บางคนไม่สามารถเจริญรุ่งเรืองได้เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ทำให้เขาไม่อยากมาพบครูหรือมาร่วมสังสรรค์กับเพื่อนๆ แต่นั้นเป็นเพียงความรู้สึกฝ่ายเดียวของคนคนนั้น ครูก็ยังเป็นครูที่อยาดเจอลูกศิษย์ เพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนที่อยากเจอเพื่อน ลูกจบการศึกษาจากสถาบันที่มีความพร้อม มีชื่อเสียงในการสร้างบัณฑิต ฉะนั้นจงภูมิใจและกลับไปเยี่ยมสถาบัน เยี่ยมครู และทำในสิ่งดีๆ ให้แก่สถาบัน

หากลูกคิดว่าเมื่อกลับไปเยี่ยมสถาบันแล้ว จะมีความรู้สึกด้อย สู้เพื่อนคนอื่นไม่ได้ พ่อขอแนะนำขอให้ลูกเริ่มมี "ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จ" ในสิ่งที่ลูกควรทำหรือกำลังทำอยู่ในขณะนี้

ลูกยังจำได้ไหม วันที่พ่อพาลูกไปเป็นตัวช่วยในรายการโทรทัศน์เกมเศรษฐี พ่อพูดกับลูกว่า "นี่คงเป็นบทเรียนที่ดีแก่ลูกในเรื่องความเพียรอย่างหนึ่ง เพราะถ้าเป็นคนอื่นเขาคงไม่มาเล่นรายการนี้แล้ว ลูกรู้ไหมว่าพ่อเขียนจดหมายถึง 4 ฉบับเพื่อสมัครไปเล่นรายการนี้ แต่ละฉบับแตกต่างกันออกไปในรูปแบบของเนื้อหาเพราะเมื่อฉบับแรกเขาไม่เรียกตัวเรา แสดงว่าเรายังไม่ได้แสดงอะไรที่ตรงกับความต้องการของรายการ พ่อต้องเปลี่ยนเนื้อหาใหม่ในจดหมายฉบับต่อมาในที่สุดเมื่อเขียนจดหมายถึงฉบับที่ 4 ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ปี พ่อก็ประสบความสำเร็จ ได้เข่าไปเล่นเกมเศรษฐีตามที่ตั้งใจไว้

ลูกได้ผ่านชีวิตวัยเด็ก วัยของการศึกษาหาความรู้มาแล้ว ลูกกำลังจะเริ่มต้นชีวิตอีกวัยหนึ่งคือ วัยของการทำงาน วัยของการหาประสบการณ์ชีวิต วัยของการแสวงหาความสำเร็จ ลูกก็รู้ว่าไม่ใช่ทุกคนหลอกที่จะประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าลูกมี "ความมุ่งมาดปรารถนาที่จะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้สำเร็จ" ที่เหมาะสมกับวัยและความสามารถของลูกแล้ว ลูกจะไม่พบไม่เจอกับความล้มเหลวหรือคำว่า "ทำไม่ได้" เลย

และเมื่อลูกทำได้ ลูกก็คงอยากจะมาเยี่ยครู สถาบัน และพร้อมที่จะพบปะกับเพื่อนๆ ด้วยความภาคภูมิใจ

รักเสมอ
พ่อ